“หนุ่ม อรรถพร” เจอวิกฤตขาลงทำละคร เป็นหนี้ 10 ล้าน งานหด-เงินหาย ผันตัวไลฟ์สดขายสังฆทาน เล็งย้ายครอบครัวไปอยู่ต่างประเทศ
“หนุ่ม อรรถพร” เป็นนักแสดงและผู้จัดละครมากฝีมือที่อยู่ในวงการบันเทิงมานาน ล่าสุดเจ้าตัวได้ควงภรรยา ฝ้าย อริญรดา และลูกชาย 2 คน “น้องอันดา-น้องอดัม” มาเปิดใจใน รายการคุยแซ่บShow หลังคนมองขาลง วิกฤตงานหด เงินหาย ต้องขายเครื่องสังฆทาน ผ้าไตร เปิดใจโดนโกงเงินหลายล้าน เตรียมย้ายไปอยู่ต่างประเทศ
เปิดร้านเบอร์เกอร์ตอนนี้ เพราะงานในวงการดร็อปลงมั้ย?
หนุ่ม อรรถพร : ด้วยครับ แต่ก่อนปีนึง 1 เรื่องอยู่ที่ประมาณ 24 ตอน ปีนึงเราอาจได้ 2-3 เรื่อง มันอยู่ได้ แต่ตอนนี้วิธีคิดการผลิตงานซีรีส์หรือละคร 8 ตอน ปีนึงมี 1 เรื่อง บางปีไม่มี เอาแล้ว อยู่ยังไง มันไม่พอ สำหรับบางคนเขาอาจเมเนจตัวเองได้ แต่สำหรับผมไม่พอแล้ว เราต้องทำอย่างอื่นเพิ่ม แล้วเราจะทำอะไรกันดี
ทำร้านสเต็ก ร้านแฮมเบอร์เกอร์ เอาสูตรมาจากไหน?
หนุ่ม อรรถพร : ปกติผมก็ทำให้ที่บ้านทานอยู่แล้ว ช่วงโควิดก็ทำแกะหมักสูตรพิเศษมาจำหน่ายออนไลน์ ก็ขายดีมาก ก็ต่อยอดจากตรงนั้นมา มันสามารถเลี้ยงทั้งเราและบริษัทในช่วงโควิด ช่วงนึงเราก็ต้องแบกรับและดูแลทีมงาน ผมรู้สึกว่าเป็นครอบครัวต้องดูแลกันและกัน แต่พอถึงช่วงนึงมันแบกไม่ไหว เราก็เฮ้ย ขอโทษทีนะ เราต้องลดไลน์อัปการผลิต ผมมองว่ามันเป็นโมเดลในการทำธุรกิจ ถ้าไลน์อัปเป็นแบบนี้ และผมแบกคอร์สขนาดนี้ ผมแบกไม่ไหว เหมือนคนเปิดแฟรนไชส์หลายๆ สาขา วันนึงวัตถุดิบมันแพงขึ้น ทุกอย่างเริ่มดร็อปลง มีออนไลน์เข้ามา ผมก็ต้องดร็อปแฟรนไชส์ลง อย่างผมเคยมี 10 สาขา ก็เหลือแค่ 2 สาขา มันก็เป็นเรื่องจำเป็น ก็ต้องทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน
ตอนนี้ละครก็ไม่ค่อยผลิตออกมาสักเท่าไหร่ อีกสิ่งที่พี่หนุ่มเจอคือเป็นหนี้ในการทำงานผลิตซีรีส์ 10 ล้านเลยเหรอ?
ฝ้าย อริญรดา : ไม่อยากจะพูด (หัวเราะ) เป็น 10 นะ
โดนโกงหรืออะไร?
ฝ้าย อริญรดา : ไม่เรียกว่าโดนโกงดีกว่า เรียกว่ามันช้า ระบบในการจ่ายเงินช้า มันทำให้เราต้องควักตัวเองออกไปเพื่อทำงานให้สำเร็จเพื่อให้ได้เงินไวๆ พอได้เงินช้าเรารู้สึกว่าเราต้องหมดไปอีกเท่าไหร่
เงินไม่มาอยู่ในระบบบริษัท เอาเงินส่วนตัวมาถม แล้วเงินนี้ก็ยังไม่ได้กลับมา?
หนุ่ม อรรถพร : ใช่ อันเดียวกันเลย (หัวเราะ) มีอินเนอร์มากกว่าเรา (หัวเราะ)
หลายคนแบกหนี้ก้อนนี้เอาไว้ เงินส่วนตัวกับเงินทำธุรกิจคนละก้อนกัน?
หนุ่ม อรรถพร : ก็เลยกลับมาคิดใหม่ ว่าเราทำสิ่งนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว เราแบกไม่ไหว เราต้องกลับมาดูแลครอบครัวก่อน
ก็เลยตัดสินใจเปิดร้าน บริษัทก็ค่อยๆ ทยอยลดพนักงานลง?
หนุ่ม อรรถพร : ใช่ บริษัทยังไม่ปิด ยังอยู่ ยังทำเอ็มวี ทำซีรีส์ แต่ทำตัวให้เบาที่สุด ทั้งออฟฟิศเหลือผมตัวคนเดียวแล้ว
พอแอดวานซ์เงินส่วนตัว คิดจะปิดบริษัทไปเลยมั้ย?
ฝ้าย อริญรดา : ใจจริงๆ คิด เพราะรู้สึกหนักมากจนเราไม่ไหว เราทำแบบนี้ต่อไปไม่ได้ มันเป็นแบบนี้มาระยะเวลา 3-4 ปี ตั้งแต่เกิดโควิด เกิดเหตุการณ์นี้มาเรื่อยๆ ค่าผลิตน้อยลง แต่เราต้องทำงานที่ดีขึ้น ค่าทุกอย่างมันแพงหมด จนเราคิดว่าพี่หนุ่ม เราต้องหยุดแล้ว
หนุ่ม อรรถพร : เราเข้าใจเรื่องค่าครองชีพนะ เราก็พยายามจะซัปพอร์ต แต่ว่ามันไม่ไหว เพราะค่าผลิตก็อย่างที่พอจะทราบนั่นแหละ
ตอนนี้แพสชั่นหมดมั้ย?
หนุ่ม อรรถพร : มันเหมือนคนวิ่งในทุ่งหญ้าคอยล่าเหยื่อ เป็นสิงโต มีกวางตรงไหน (หัวเราะ) 10 ปีที่ตามล่ากวางอยู่ในทุ่งหญ้า มันก็เหนื่อยเหมือนกันนะ สมัยก่อนเราคิดอะไรสักอย่างที่เราภูมิใจสักเรื่อง มันจะอยู่สักปีนึง แต่เดี๋ยวนี้ 2-3 เดือนต้องคิดใหม่ตลอดเวลา มันล้าเหมือนกันนะ กับการคิดใหม่ตลอด และลงสนามไปเพื่อล่าตลอดเวลา มันไม่ไหวเหมือนกัน
ท้อมั้ย?
หนุ่ม อรรถพร : ไม่ถึงกับท้อ ยังทำงานได้นะ แต่แค่ถ้าจะเอาตัวเองไปวางในสถานภาพนั้นอีกครั้ง คิดว่าเดี๋ยวคงต้องหาพาร์ตเนอร์ดีๆ มาช่วยกันดูแลดีกว่า เพราะตัวเองกับครอบครัวจะลงไปแบบนั้นอีกคงไม่ไหว มันล้าเหมือนกัน
ล่าสุดไลฟ์สดขายสังฆทาน ผ้าไตร บางคนบอกว่าต้องถึงขนาดมาไลฟ์ขายสังฆทานเลยเหรอ มองยังไง?
หนุ่ม อรรถพร : พี่มองว่ามันก็คือการทำธุรกิจอย่างนึง เมื่อวันนึงที่รายรับจากธุรกิจลดลง เราก็ต้องหารายรับจากส่วนอื่นมาโปะแทน สิ่งที่รู้สึกอย่างนึง ผมเห็นข่าวแบบนี้จากนักแสดงหลายท่าน เขาก็ไปทำงานด้วยอาชีพ ด้วยแพสชั่นอะไรก็ตาม อย่าไปมีทัศนคติหรือมายด์เซ็ตแบบนี้ต่อกันเลย ผมว่ามันไม่สร้างมุมบวกต่อจิตใจซึ่งกันและกัน เราเยียวยากันดีกว่า ในเวลาที่คนเรามีโมเมนต์กราฟชีวิตแบบนี้ได้ เยียวยากันดีกว่า อย่าบูลลี่กันเลย แต่มุมผม ผมรู้สึกว่าผมกำลังทำธุรกิจครอบครัว ซึ่งเป็นธุรกิจอีกชิ้นนึงที่ครอบครัวทำอยู่แล้ว
ล่าสุดมีแพลนจะไม่อยู่ไทยแล้ว จะย้ายประเทศ?
หนุ่ม อรรถพร : มีจริงครับ คิดไว้สักประมาณ 2-3 ปีหลังจากนี้ ตอนนี้ลูกเริ่มโตขึ้นแล้ว กับการที่เราฝึกเขามาให้เขามีวิชาความรู้แบบนี้ ผมว่าวันนึงเขาคงอยากไปผจญภัยในโลกกว้าง บ้านเกิดเขาอยู่ที่นี่อยู่แล้วแน่นอน เพียงแต่ว่าถ้าเราไป เราคงไปกันทั้งครอบครัว เพื่อที่จะดูแลกัน มันแปลว่าเราคงไปกันหมด ตอนนี้จึงเป็นการเตรียมความพร้อม ถ้าวันนึงไม่ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างที่ตั้งใจไว้ ผมอาจพูดถึงเรื่องสงครามหรือภัยพิบัติต่างๆ ถ้ามันยังเป็นปกติ เราคิดว่าเราอาจจะทำแบบนั้น เพื่ออนาคตเขาทั้งสองคน ถึงเวลาเราก็กลับมาอยู่เมืองไทยปกติ เพราะเราเป็นคนไทยอยู่แล้ว เมืองไทยมันดีที่สุดอยู่แล้วครับ
จะไปประเทศไหน?
หนุ่ม อรรถพร : ถ้ามีโอกาสได้ไป ก็ดูไว้ที่อังกฤษ เมืองทางใต้อุ่นๆ หน่อย ตอนนี้สิ่งที่เขาเรียนอยู่ก็ถูกวางไว้ว่าเรียนจบสิ่งนี้เพื่อไปตรงนั้นด้วย
ทำพิธีไล่วิญญาณในตู้ซ่อนผี เรื่องเป็นยังไง?
ฝ้าย อริญรดา : ตู้นี้เป็นตู้พร็อบ ใช้ถ่ายละครของเรา พี่หนุ่มเอามาจากไหนให้พี่หนุ่มเล่า เหตุการณ์คือเราเอามาไว้ชั้น 2 แต่ก่อนเป็นห้องประชุม พอเก็บไว้ที่ชั้น 2 พนักงานทำงานที่ชั้น 1 แต่ทุกวันพนักงานจะบอกว่าคุณฝ้ายเหมือนได้ยินคนเดินอยู่ข้างบนเลย แต่มันไม่มี ขึ้นไปดูทุกวันก็ไม่มี ได้ยินตลอดทุกวันจนรู้สึกว่ามันแปลกๆ แล้วนะ ฝ้ายรู้สึกว่าตู้มันน่าจะมี เรารู้สึกอย่างนั้น เราก็ถามคุณพ่อว่ามีอะไรอยู่ในนี้หรือเปล่า คุณพ่อก็บอกว่ามีแน่ๆ ลองถามหนุ่มสิว่ามีประวัติอะไรยังไง
พี่หนุ่มได้ตู้มาจากไหน?
หนุ่ม อรรถพร : ตู้นี้เป็นตู้เก่ามาจากบ้านคุณตาของพี่ ซึ่งคุณแม่พี่เก็บไว้ ซึ่งนานมากแล้ว เป็นตู้ใช้ประจำตัวของคุณยายที่อยู่ที่บ้านแม่ ตอนนั้นทำละครพีเรียด ต้องใช้ตู้เก่า ก็เลยให้ทีมไปยกตู้นี้มาจากที่บ้าน แล้วไปเข้าฉากเรียบร้อย เอามาเก็บที่ออฟฟิศ เพราะเป็นของที่บ้าน เราหวง พอมีเหตุการณ์แบบนี้ปุ๊บ เอาไงดี พ่อฝ้ายบอกว่าหนุ่มไปจัดการไล่ซะ
แล้วไล่ยังไง?
หนุ่ม อรรถพร : เอาเศษปู่ท้าวเวสสุวรรณองค์นึง ซึ่งนับถืออยู่แล้ว มีน้ำมนต์ด้วย เดินสาด แล้วเดินด่าทั่วบ้านเลย (หัวเราะ) มึงออกไปจากบ้านกู (หัวเราะ) ตอนนั้นเป็นวิธีจริงๆ พูดเพราะกับเขา เขาไม่ฟัง พ่อแนะนำว่าต้องไล่แบบนี้ถึงจะสำเร็จ แล้วเปิดประตูให้ทั่วบ้านเลยนะ แล้วก็เงียบนะ
สามารถติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama
