เรื่องใหญ่อีก “อี้ แทนคุณ” เปิดเส้นเงิน 3ล้าน บ่งชี้ “ฟิล์ม” รับเงินจากใคร

เรื่องใหญ่อีก “อี้ แทนคุณ” เปิดเส้นเงิน 3ล้าน บ่งชี้ “ฟิล์ม” รับเงินจากใคร

“อี้ แทนคุณ” เปิดเส้นเงิน 3 ล้าน ปี 2561 บ่งชี้ “ฟิล์ม” รับโอนจาก “บริษัท ส.” หลอกผู้เสียหายหลายรายลงทุนเหรียญ

อี้ แทนคุณ” เปิดเส้นเงิน 3 ล้านบาทเมื่อปี 2561 บ่งชี้ “ฟิล์ม” รับโอนจาก “บริษัท ส.” ปม หลอกผู้เสียหายหลายรายลงทุนเหรียญ พร้อมระบุ “ผู้เสียหายคดีลงทุนเหรียญคริปโตฯ” ได้ฟ้อง “บริษัท ส.” ซึ่งว่าจ้างฟิล์ม โดยมีกรรมการในบริษัท ส. ได้ซักทอดว่า “จ้างฟิล์มมาเชิญชวนผู้ลงทุนในเหรียญ” แย้ม ผู้เสียหายฟ้องตรงต่อศาลอาญามีนบุรี ส่งหมายเรียกฟิล์มขึ้นศาลเบิกความในฐานะพยานโจทก์ 3 มี.ค.นี้ เวลา 13.30 น. เหตุใดจึงไปปรากฏตัวในงานของบริษัท ส. และมีพฤติกรรมเชิญชวนลงทุนจริงหรือไม่ หลังผู้เสียหายเชื่อลงทุน สูญ 40 ล้านบาท ย้ำ หากไม่ปรากฏตัวในศาล ทนายผู้เสียหายจะขอศาลออกหมายจับแทน

เรื่องใหญ่อีก "อี้ แทนคุณ" เปิดเส้นเงิน 3ล้าน บ่งชี้ "ฟิล์ม" รับเงินจากใครเรื่องใหญ่อีก “อี้ แทนคุณ” เปิดเส้นเงิน 3ล้าน บ่งชี้ “ฟิล์ม” รับเงินจากใคร

วันนี้ (22 ก.พ.) เมื่อเวลา 15.00 น. นายแทนคุณ จิตต์อิสระ หรืออี้ แทนคุณ ประธานชมรมสันติประชาธรรม เปิดเผยว่า เรื่องราววันนี้ถือเป็น 1 ใน 7 คดีที่ตนเคยได้พูดไปก่อนหน้านี้ อีกทั้งวานนี้ (21 ก.พ.) ตนได้เข้าพบ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. ซึ่งก็ถือว่าเราได้นำเอาพยานหลักฐานต่าง ๆ ที่มีมอบให้แก่พนักงานสอบสวนแล้ว เพื่อจะได้มีการตรวจสอบเพิ่มเติม แต่อย่างไรก็เป็นเรื่องโชคดีอย่างหนึ่งที่มีผู้เสียหายในคดีนี้ ซึ่งเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับบริษัทอักษรย่อ ส. โดยบริษัทดังกล่าวนี้เป็นจำเลยในคดีเกี่ยวข้องกับเหรียญ อักษรย่อคือเหรียญเอ เป็นการหลอกขายเหรียญ คล้ายคริปโตเคอเรนซี โดยผู้เสียหายได้มีการไปแจ้งความดำเนินคดีบริษัท ส. ไว้ที่ บก.ปอศ. มีหลักฐานการแจ้งความ โดยมีความเสียหายรวม ๆ เกือบ 50 ล้านบาท ซึ่งเฉพาะผู้เสียหายรายนี้รายเดียวได้ไปแจ้งความปรากฏมูลค่าความเสียหายกว่า 40 ล้านบาท

อีกทั้งยังได้มีการฟ้องตรงต่อศาลอาญามีนบุรีเองด้วย ทำให้มีหมายเรียกพยานของโจทก์ไปยัง นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือฟิล์ม นอกจากนี้ การที่ผู้เสียหายไปร้องทุกข์ต่อ บก.ปอศ. ทำให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ได้เรียกพนักงานสอบสวนมาสอบถามความคืบหน้า เพราะทางฝั่งบริษัท ส. ก็ได้มีการซักทอดไปว่า “ได้มีการว่าจ้างศิลปินเพื่อมาเชิญชวนผู้ลงทุนในเหรียญนี้” จึงเป็นสาเหตุให้ผู้เสียหายได้ขอศาลอาญามีนบุรีออกหมายเรียกเพื่อให้บุคคลดังกล่าวขึ้นเบิกความในชั้นศาล แต่มิใช่ในฐานะจำเลย เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าศิลปินรายดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องอย่างไร เพราะตนมีภาพถ่ายยืนยันว่าคนไหนเป็นเจ้าของบริษัท อักษรย่อ ส. และคนข้าง ๆ ก็คือศิลปินชาย/นักการเมืองที่ไปในวันดังกล่าว แล้วการไปดังกล่าวจะเป็นการไปร่วมงานอย่างเดียวหรือไม่ หรือมีการทำกิจกรรมเชิญชวนกันอย่างไรหรือไม่ ตนคิดว่ามันอยู่ในสำนวนแล้ว เพราะเมื่อมันอยู่ในสำนวนแล้วจึงสามารถนำมาอธิบายได้ในระดับหนึ่ง

นายแทนคุณ เผยอีกว่า ส่วนสิ่งสำคัญอีกประการคือเส้นทางการเงิน โดยเฉพาะในส่วนที่ตนได้ทำไฮไลต์สีเขียวไว้ ซึ่งจะเห็นความเกี่ยวข้องว่าจุดดังกล่าวเป็นชื่อของนายรัฐภูมิ มีการรับโอน 1 ล้านบาท ในวันที่ 6 ก.พ.2561 ส่วนเส้นเงินที่สองก็จำนวนรับโอน 1 ล้านบาท ในเดือน มี.ค.2561 และเส้นที่สามก็ยอดเงิน 1 ล้านบาทเช่นกัน เกิดขึ้นในเดือน มิ.ย.2561 ทำให้ที่เราหาหลักฐานมาได้เบื้องต้น ปรากฏพบว่ามีทั้งหมด 3 ล้านบาท แต่ตนไม่ได้บอกว่ามันเกี่ยวข้องอย่างไร อยากให้พนักงานสอบสวนได้ทำการสืบเสาะว่ามีความเกี่ยวข้องอย่างไรหรือไม่ เนื่องจากทางผู้เสียหายก็ยืนยันถึงความเสียหายหนักมาก เพราะเขาได้อยู่ในเหตุการณ์ที่มีการเชิญชวนให้มีการลงทุน ไม่ได้เป็นแค่ในลักษณะไปร่วมงานหรือไปเป็นพรีเซนเตอร์ใดๆ ทั้งสิ้น แต่นี่ก็เป็นเพียงคำกล่าวอ้างฝั่งเดียว ซึ่งผู้เสียหายมีการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษแล้ว และได้มีการฟ้องตรงต่อศาลอาญามีนบุรีแล้วเช่นเดียวกัน ดังเอกสารที่ตนได้นำมาให้ดู

นายแทนคุณ เผยต่อว่า จากการที่ผู้เสียหายฟ้องตรงด้วยตัวเองต่อศาลอาญามีนบุรี และให้ศาลออกหมายเรียกพยานโจทก์ไปยังนายรัฐภูมิ จึงเป็นเหตุให้ในวันที่ 3 มี.ค.นี้ เวลา 13.30 น. เพื่อให้นายรัฐภูมิได้ชี้แจงถึงความเกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวข้องกับบริษัท ส. ดังกล่าว และนายรัฐภูมิไปในงานวันนั้น ไปในฐานะอะไร และมีการเชิญชวนผู้เสียหายให้ลงทุนจริงหรือไม่ หากไม่ใช่ข้อเท็จจริงอย่างไรนายรัฐภูมิก็ต้องมาปฏิเสธมาต่อสู้ในชั้นศาลได้ แต่อย่างไรก็ตาม ทางจำเลยในคดี หรือ บริษัท ส. ได้มีการซักทอดว่าได้ว่าจ้างนายรัฐภูมิ มาลักษณะเชิญชวนให้ลงทุนด้วย ซึ่งนี่ก็เป็นคำที่ปรากฏอยู่ในสำนวนที่มีการให้การไว้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว

“ข่าวดีมี 3 เรื่อง คือ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. ได้พิจารณาสำนวนต่าง ๆ ทั้งหมด 7 คดี และ 1 เรื่อง ตามที่ตนได้นำเอาเอกสารและข้อมูลไปมอบให้ ส่วนเรื่องที่ 2 คือกรณีที่ตนได้นำเอาข้อมูลของดีเจแมนและใบเตยที่ได้ให้ไว้กับตนไปบอกให้ท่านฟังว่าเรื่องราวแบบนี้จะมีช่องทางในการติดตามอย่างไร ทั้งนี้ ตนได้บอกให้ดีเจแมนและใบเตยฟังแล้วว่าตนได้นำข้อมูลมาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ขอให้ทั้งคู่สบายใจ ไม่ต้องกังวลและไม่ต้องกดดันใด ๆ ซึ่งทั้งคู่ก็ได้ขอบคุณตน ส่วนเรื่องที่ 3 คือ พอเราได้เห็นภาพใหญ่ เห็นเส้นทางการเงิน ซึ่งไม่ใช่เฉพาะรายการนี้อย่างเดียว ยังมีอีก 2-3 เรื่องที่เมื่อวานตนได้นำเข้าไปพบตำรวจสอบสวนกลาง ก็จะได้ไปลงรายละเอียดเพิ่มเติม ซึ่งทางพนักงานสอบสวนจะได้ทยอยเชื่อมโยงเลขสอบกับผู้เสียหายต่าง ๆ อาจมีหมายเรียกจากเจ้าพนักงานได้ทยอยออกไป ถ้าพูดตอนนี้ก็คือ 7 คดีหลักและ 1 เรื่องของดีเจแมน-ใบเตย นั่นเอง” อี้แทนคุณ กล่าวว่า

“สำหรับหมายเรียกที่ตนได้นำมาแสดงในวันนี้ ตนได้สอบถามไปยังทนายของผู้เสียหาย ทราบว่าได้มีหมายเรียกไปก่อนหน้านี้แล้วแต่นายรัฐภูมิไม่ไป  ซึ่งถ้าครั้งที่สองไม่ไปอีกก็จะแปลงเป็นหมายจับก็ได้ ซึ่งอันนี้ตนจะได้มาอัปเดตให้ทุกคนได้ทราบอีกครั้งว่าจะมีกรณีดังกล่าวด้วยหรือไม่” นายแทนคุณ ระบุ.

นายแทนคุณ ระบุด้วยว่า อย่างที่ รอง ผบช.ก. ได้เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่าพอเราได้เห็นพฤติกรรมที่มีการทำซ้ำ ๆ ได้เห็นแผนประทุษกรรมที่มีการกระทำซ้ำ ๆ ของบุคคลดังกล่าว แต่ตนไม่ได้เจาะจงเฉพาะบุคคลนี้ ตนให้มีการขยายผลไปอีก ซึ่งถ้าเนื้อหาเริ่มต้นจากบางคดีที่ตนดำเนินการอยู่อาจจะมีผู้ร่วมขบวนการเพิ่มเติมจากหนึ่งเป็นสองก็ได้เพราะสองคนนี้เข้าแน่นอนคือตัวเขาและพี่ชายเขาในบางกรณี แต่ก็จะเพิ่มเป็น 5 คน รวมเป็น 7 คนด้วยหรือไม่ อันนี้เรายังมีหลักฐาน แต่เราจะไม่ไปกล่าวหาเขา เพราะเราส่งให้ตำรวจหมดแล้ว เดี๋ยวคงมีการทยอยนัดจากทางตำรวจเพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม เพราะในความผิดดังกล่าวที่ตนดำเนินการให้ผู้เสียหายนั้นคือความผิดคดีฉ้อโกงประชาชน ซึ่งเป็นความผิดอันยอมความไม่ได้ มีโทษ 5 ปีขึ้นไป ถือว่าเป็นโทษค่อนข้างสูงไม่เหมือนฉ้อโกงทั่วไปที่เป็นความผิดส่วนตัว แต่เมื่อเป็นคดีฉ้อโกงประชาชน จึงต้องมีรายละเอียดและมีการเชื่อมโยงกันไปถึงเขา เจ้าหน้าที่ก็อาจจะพิจารณาออกหมายเรียกหรือหมายจับได้ แต่อย่างที่บอกว่า ทางผู้เสียหายเองก็ได้มีการฟ้องตรงต่อศาลอาญามีนบุรีด้วยตัวเอง ซึ่งถ้าวันดังกล่าวเขาไม่ไปขึ้นศาล ทางทนายความของผู้เสียหายก็จะขอศาลให้ออกเป็นหมายจับแทน ตนหวังให้นายรัฐภูมิมาให้ข้อมูลพิสูจน์ตัวเองต่อศาล ว่าไปทำอะไรในวันนั้น ได้เงินเส้นเงินนี้มีกิจกรรมเกี่ยวข้องอย่างไรบ้าง ทำไมเขาถึงซักทอกคุณ เป็นต้น เพราะถ้าสิ่งที่คนในบริษัทดังกล่าวซักทอดไม่เป็นความจริง ทางนั้นก็จะต้องโดนข้อหาเบิกความเท็จ ตามมาตรา 177 ติดคุก 5 ปี

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *